กระรอกเป็นสัตว์ฟันแทะ เลี้ยงลูกด้วยนม ที่คล่องแคล่วว่องไว กินผลไม้ และ เมล็ดพืช เป็นหลัก และก็ชอบกินแมลงด้วยเหมือนกัน
กระรอกที่ถูกมาเลี้ยงตั้งแต่เล็ก ค่อนข้างจะเชื่องมากกว่ากระรอกโต แต่การนำกระรอกมาเลี้ยง สถานที่ที่ให้เค้าอยู่ควรเหมาะกับธรรมชาติของเค้า การเลี้ยงในห้อง หรือกรงแคบ ๆ อาจจะได้ในตอนที่เค้ายังเล็กอยู่ แต่เมื่อโตขึ้น ต้องทำกรงใหญ่ให้เค้า หรือดีที่สุด ปลูกต้นไม้ไว้บริเวณบ้านให้เยอะ ๆ แล้วปล่อยให้เค้าอยู่ตามธรรมชาติจะดีที่สุดเลยค่ะ แล้วเค้าอาจจะสร้างรังอยู่หลังบ้างคุณ หรืออาจจะแวะเวียนมาหาคุณเอง หากคุณมีที่ใส่ผลไม้ให้เค้าเล็ก ๆ แขวนไว้ตามต้นไม้
กระรอกที่ถูกมาเลี้ยงตั้งแต่เล็ก ค่อนข้างจะเชื่องมากกว่ากระรอกโต แต่การนำกระรอกมาเลี้ยง สถานที่ที่ให้เค้าอยู่ควรเหมาะกับธรรมชาติของเค้า การเลี้ยงในห้อง หรือกรงแคบ ๆ อาจจะได้ในตอนที่เค้ายังเล็กอยู่ แต่เมื่อโตขึ้น ต้องทำกรงใหญ่ให้เค้า หรือดีที่สุด ปลูกต้นไม้ไว้บริเวณบ้านให้เยอะ ๆ แล้วปล่อยให้เค้าอยู่ตามธรรมชาติจะดีที่สุดเลยค่ะ แล้วเค้าอาจจะสร้างรังอยู่หลังบ้างคุณ หรืออาจจะแวะเวียนมาหาคุณเอง หากคุณมีที่ใส่ผลไม้ให้เค้าเล็ก ๆ แขวนไว้ตามต้นไม้
กระรอกเป็นสัตว์ป่า และไม่นิยมนำมาเป็นสัตว์เลี้ยง เพราะไม่ค่อยเชื่องนัก บางทีเราคิดว่าเชื่องแต่อยู่ดีๆ ก็อาจจะกัดเราเอาได้ง่าย ๆ แต่อย่าไปโกรธมันนะคะ มันทำตามสัญชาติญาณ ถ้าคนเคยเลี้ยงไปซักพัก คงจะเข้าใจ แต่ในกรณีใดก็ตาม หากผู้อ่านมีโอกาสได้เลี้ยงลูกกระรอกตัวเล็ก ๆ ไม่ว่าโดยบังเอิญมันตกลงมาจากต้นไม้มา หรือเนื่องจากพายุฝน อย่างน้อยมันก็ได้มีโอกาสมีชีวิตรอด เป็นกระรอกที่แสนจะน่ารักอยู่ตามธรรมชาติต่อไปได้
พัฒนาการของลูกกระรอก
ภาพข้างล่างต่อไปนี้ได้มาจากเอกสารภาษาอังกฤษเล่มหนึ่งนะคะ ซึ่งบอกลักษณะของกระรอกในแต่ละวัย ซึ่งเราจะเห็นพัฒนาการตามรูปค่ะ

กระรอกแรกเกิด -- สัปดาห์ที่ 1
ตาปิดอยู่ ตัวออกสีชมพูและไม่มีขนสำหรับสัปดาห์แรก น้ำหนักประมาณ 10-15 กรัมเมื่อแรกเกิด

1-2 สัปดาห์
ขนสีดำเริ่มขึ้นที่หัวและการแพร่กระจายลงด้านหลังของพวกเขาถึงหาง
2-3 สัปดาห์
ขนจะปรากฏชัดขึ้น ตัวสีเข้มขึ้น
3-4 สัปดาห์
ขนเริ่มหนาขึ้นจากหัวถึงหาง หูเริ่มมีการพัฒนา และเริ่มมีฟันเล็ก ๆ ขึ้น
4-5 สัปดาห์
ขนหนา หางเริ่มเป็นพวก ตาเปิด เริ่มเดิน แต่ก็ยังคงหลับบ่อย
5-6 สัปดาห์
จะสามารถที่จะนั่งและเดินไปมา และเริ่มซน

เริ่มปีน, ฟันบนยาวขึ้น อาจเริ่มต้นกินผลไม้ หรืออาหารเองได้ แต่อาจยังต้องป้อนอาหารเหลวบ้าง
7-8 สัปดาห์
เริ่มปีนป่ายได้คล่องแคล่วมากขึ้น ทานอาหารเองได้
10-12 สัปดาห์
เริ่มโตเต็มที่
เพศของลูกกระรอก
จากภาพ: แสดงให้เห็นความแตกต่างกระรอกเพศผู้และเพศเมีย
ตัวเมียด้านขวา อวัยวะเพศจะอยู่ต่ำกว่าใกล้ทวารหนัก ส่วนตัวผู้อวัยวะเพศจะอยู่ด้านล่างและสูงขึ้นไปใกล้สะดือ
วิธีให้ความอบอุ่น
หากคุณพบกระรอกตัวเล็ก ๆ ให้รีบนำมันมาไว้ในที่อบอุ่น กระรอกแรกเกิดนั้นควรอยู่ในอุณหภูมิประมาณ 37.5-38.5 องศา วิธีให้ความอบอุ่นแก่ลูกกระรอกนั้นทำได้โดย
1. ใช้ไฟดวงเล็ก ๆ 3-5 วัตต์ ช่วยในการให้ความอบอุ่นได้ และต้องไม่ลืม เรื่องความชื้น โดยอาจวางอ่างน้ำเล็ก ๆ ไว้รอบข้างดวงไฟ แล้วคลุมด้วยตระแกรงเหล็กด้านบนเพื่อกั้นไม่ให้ผ้าสัมผัสกับดวงไฟ เพราะถ้าผ้าเกิดสัมผัสกับดวงไฟที่ร้อนโดยตรง อาจทำให้มันหลอมละลาย และ เกิดไฟไหม้ได้ เสร็จแล้วให้เราวางผ้าทับอีกทีชั้น เพื่อให้ความอบอุ่นสะสมอยู่ในผ้าหนา ๆ หน่อยก็ได้นะคะ มันจะได้ขยับตัวซุกตามความอบอุ่นที่มันต้องการ หมั่นเติมน้ำอย่าให้น้ำด้านล่างแห้ง และอย่าลืมเรื่องอากาศถ่ายเทบ้างนะคะ วางผ้าให้ความอบอุ่น แต่ก็มีที่ๆ อากาศถ่ายเทด้วย
2. อาจใช้ถุงน้ำร้อนวางไว้ด้านล่าง แล้วใส่ผ้าด้านบน แต่วิธีนี้ต้องคอยเปลี่ยนน้ำบ่อย ๆ เพราะสัก 3-4 ชั่วโมง น้ำก็เริ่มไม่อุ่นแล้ว ซึ่งทำได้ยาก และคุณอาจไม่ได้หลับได้นอนเลย อาจใช้ในกรณีที่ต้องเดินทางหรือจำเป็นต้องพกพากระรอกไปไหนเท่านั้น (กรณีต้องไปโรงพยาบาล, หรือต้องเอาไปไหนด้วยเพื่อป้อนอาหาร)
3. หากหาอุปกรณ์ไม่ได้จริงๆ ก็ใช้กล่องเปล่าเฉย ๆ และใส่ผ้าไว้ในนั้น แต่บางครั้งที่อากาศหนาวเย็นมาก อุณหภูมิภายในกรงที่ให้เค้าอยู่ จะต่ำเกินไป จึงจำเป็นต้องให้ความอบอุ่นเพิ่มด้วย
4. อีกวิธีใส่กล่องแล้ววางไว้บริเวณด้านหลังของตู้เย็น ตู้เย็นทำหน้าทีให้ความเย็น แต่ด้านหลังของมันก็อบอุ่นทีเดียว แต่ต้องใส่ภาชนะให้มีพื้นที่สำหรับเค้าแล้ววางไว้ด้านหลัง จะขยับย้ายที่ตามตำแหน่งที่เค้าต้องการ ถ้าร้อนเกินไปเค้าก็จะขยับออกห่างออกมาเอง ถ้าหนาว เค้าก็จะขยับเข้าไปซุกตรงที่อบอุ่นกว่า
และต้องระวังเรื่องมดและแมลง และสัตว์อืื่น ๆ ที่จะมารบกวนได้นะคะ
ทุกวิธีต้องกรักษาความสะอาด และเปลี่ยนผ้าหรือกระดาษทิชชู่อยู่เสมอ ต้องไม่ให้ผ้าเปียกชื้น และคอยควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ประมาณ 37.5-38.5 เพราะถ้าร้อนหรือเย็นเกินไป ลูกกระรอกอาจป่วยและเสียชีวิตได้
การให้อาหารลูกกระรอก
http://www.youtube.com/watch?v=Xm-NKC1OnSo
1. ให้นมถั่วเหลืองปลอดภัยที่สุด พวกแลคตาซอย ไวตามิลด์ ให้นมอย่างนี้อย่างเดียวได้จนลืมตา และกินผลไม้เลยค่ะ ส่วนซีรีแล็คบางคนก็ว่าใช้ได้ แต่เคยใช้แล้วไม่แนะนำนะคะ เพราะเหมือนมันจะกินแล้วท้องอืดยังไงไม่รู้
2. เวลาป้อนอาหารอย่าป้อนเร็วเกินไป ป้อนทีละหยด ด้านข้างของปากก็ได้ แล้วให้เค้าเลียอาหารเข้าไปเอง หรือจะใช้สริงค์เล็ก ๆ ที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาและให้เค้าใช้ปากดูดเข้าไปทีละน้อยตามจังหวะของเค้าเอง ดูวิธีป้อนอาหารตามตัวอย่างในภาพด้านล่างนะคะ อย่าฉีดอาหารเข้าไปอย่างรวดเร็ว เพราะจะทำให้กระรอกสำลัก ทำให้เป็นปอดบวมได้ และถ้าให้เยอะเกินไปกระรอกก็อาจจะท้องอืด และตายได้เหมือนกัน3. ต้องให้อาหารบ่อย ๆ แต่ทีละน้อย ในกรณีลูกกระรอกเล็กอยู่ บางครั้งจะหิว และร้องตลอดเวลา ถ้าไม่ได้กินจะเกิดอาการเครียด และถ่ายเป็นฟอง
4. ห้ามให้นมวัว จะทำให้กระรอกท้องเสีย และตายได้ บางครั้งถ้าจำเป็นจะให้ก็ต้องเจือจางกับน้ำ
5. กรณีที่มีลูกกระรอกหลายตัว อย่าปล่อยให้หิว ต้องคอยดูตลอด เพราะถ้าเราไม่อยู่หรือปล่อยให้หิว อะไรอยู่ข้าง ๆ มันจะคิดว่าเป็นแม่มันหมด บางทีหิวขึ้นมาอีกตัวอยู่ใกล้ ๆ ก็จะถูกดูดจนเป็นจ้ำ ๆ และช้ำตายได้เลยค่ะ ดังนั้นถ้าให้ปลอดภัย ควรแยกแต่ละตัวไว้คนละที่กัน แต่กรณีที่สามารถป้อนได้บ่อยครั้ง ก็รวมไว้ในที่เดียวกันก็ได้ค่ะ กระรอกจะได้อยู่กันอย่างอบอุ่น และเลี้ยงรวมกันได้เมื่อโตขึ้นด้วย

8. บางครั้งต้องกระตุ้นลูกกระรอกในการขับถ่ายด้วย ทุกครั้งหลังอาหารใช้ปลายสำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดบริเวณทวาร เบา ๆ วิธีนี้จะทำให้ลูกกระรอกขับถ่ายออกมาได้ หากทวารแห้งและกระรอกไม่ขับถ่าย ลูกกระรอกอาจเสียชีวิตได้
หมายเหตุ : กรณีกระรอกไม่สบาย และต้องการพาไปหาสัตวแพทย์ ให้ไปที่โรงพยาบาลสัตว์ ม.เกษตร จะดีที่สุดนะคะ เพราะที่นั่นมีคลีนิคสำหรับสัตว์พิเศษด้วย ก็คือ สัตว์อื่น ที่ไม่ใช่หมา แมว (โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เลขที่ 50 ถ.พหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร. 0-2942-8756-9)

ที่มา : Squirrel Rescue 359 N. Sweetzer Ave. Los Angeles, CA 90048 (323) 651-1336